คุณป้าวันกับรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิกับร้านปลาตะเพียนสาน |
วันวิสาข์
วิทยานนทการ...เรื่อง อัครินทร์ ทีปสิริคัมภีร์...ภาพ
สายน้ำผูกพันผู้คนเข้าด้วยกันมาอย่างยาวนาน
ไม่ว่าใกล้ไกลเพียงใด สายน้ำก็นำพาผู้คนมาพบเจอกันได้
อย่างเช่นกรุงศรีอยุธยา เมืองในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เป็นศูนย์กลางการค้านานาชาติ เป็นเบ้าหล่อหลอมชีวิตผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์
ก่อเกิดวิถีวัฒนธรรมมากมาย มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารดังคำกล่าวที่ว่า
"ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว"
ปลาตะเพียนเป็นหนึ่งในปลาที่มีชุกชุมในแม่น้ำลำคลอง
จนถือเป็นเครื่องหมายแห่งความอุดมสมบูรณ์ ที่ไม่ใช่เป็นแค่อาหารเลี้ยงชีวิต หากมีความผูกพันกับสังคมไทยมาแต่ครั้งอดีต
ปลาตะเพียนจะวางไข่ในฤดูฝน จนโตเต็มที่กินอร่อยในฤดูข้าวตกรวง จึงเป็นที่มาของคำโบราณว่า
"ข้าวใหม่ ปลามัน" คนโบราณมีความเชื่อเกี่ยวกับปลาตะเพียนมากมาย ตั้งแต่เรื่องเกี่ยวกับเด็กอ่อน
ไปจนถึงการทำมาหากิน
ในพระราชพงศาวดารกรุงเก่า
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาตะเพียนกับพระเจ้าท้ายสระ
ว่าพระองค์ทรงโปรดเสวยปลาตะเพียนมากจนออกพระราชกำหนดห้ามมิให้ราษฎรบริโภคปลาตะเพียน
หากผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษปรับเป็นเงินถึง ๕ ตำลึง
วรรณคดีสมัยอยุธยายังมีบทเห่ชมปลาของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ฯ
(เจ้าฟ้ากุ้ง) กล่าวถึงปลาตะเพียนไว้ว่า
"เพียนทองงามดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย
กระแหแหห่างชาย ดั่งสายสวาทคลาศจากสม"
จากความเชื่อเกี่ยวกับปลาตะเพียน
ทำให้สัญลักษณ์ปลาตะเพียนในรูปแบบต่าง ๆ กลายเป็นวิถีวัฒนธรรมของไทยไปแล้ว
โดยเฉพาะปลาตะเพียนสานใบลานที่ยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน แม้จำนวนคนทำจะลดลงไปมาก
แต่ลมหายใจของปลาตะเพียนสานยังคงอยู่
ป้าวันกำลังลงสีปลาตะเพียนอยู่ภายในร้าน |
ป้าวัน...ผู้ต่อลมหายใจของปลาตะเพียนสาน
แดดยามสายส่องกระทบพวงปลาตะเพียนสานหลากสีสัน
หลายขนาดตั้งแต่พวงเล็กๆ เป็นกระโจมปลาไม่มีแม่ปลา ขนาดย่อม และขนาดใหญ่
ทั้งปลาลูกหก ปลาลูกเก้า ปลาลูกสิบสอง แขวนอยู่เต็มหน้าร้าน
"ปลาตะเพียนอยุธยา" ร้านของ "ป้าวัน" วันทนี มีพลกิจ
หนึ่งในผู้ทำปลาตะเพียนสานในชุมชนหัวแหลม ท่าวาสุกรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
"เอ้า ได้ ๆ เข้ามาซิ" ป้าวันบอก
หลังจากรู้จุดประสงค์ของเราว่าจะมาขอความรู้เกี่ยวกับการทำปลาตะเพียนสาน
ภายในร้านขนาดไม่ใหญ่นัก
มีหน้าต่างเพียงบานเดียว แบ่งส่วนหน้าเป็นที่แขวนปลาตะเพียนสานอีกหลากหลายแบบทั้งที่ใส่ถุงพลาสติกแขวนไว้ที่ผนังเรียงเป็นแถว
ทั้งปลาตะเพียนสานสวยงามด้วยสีสัน และลวดลายบนตัวปลาในกล่องกระดาษสีทองวางบนชั้น ฝากล่องใส
ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าได้ดี และยังที่แขวนบนเพดานอีก นอกจากปลาตะเพียนสานแล้ว
ยังมีการประยุกต์เป็นปลาทองสานด้วย โดยลักษณะหางจะเป็นพวงคล้ายหางปลาทอง
และปลาระย้าที่ใช้ลูกปัดสีทองร้อยแทนปักเป้า ใช้ใบไม้สีทองเล็ก ๆ แทนใบโพธิ์ ด้านหลังร้านเป็นที่เก็บวัสดุอุปกรณ์ในการทำปลาตะเพียนสาน
ตั้งแต่มัดใบลาน ใบลานตัดแต่งแล้ว ตัวปลาขนาดต่าง ๆ หางปลา สี และพู่กัน
พวงปลาตะเพียนสาน ร้านปลาตะเพียนอยุธยา |
"สานกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย
พ่อแม่ ฉันเป็นรุ่นที่ ๓ ทำมาตั้งแต่อายุ ๑๒ หาค่าขนมเก็บไว้เวลาพ่อแม่ไปขายของนาน
ๆ " ป้าวันในวัยใกล้ ๗๐ เริ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นของอาชีพสานปลาตะเพียน
พ่อแม่ของป้าวันมีอาชีพค้าขาย ออกเรือไปขายของบางทีเป็นเดือน เรือที่ในสมัยก่อนเรียกกันว่า
"เรือเครื่องเทศ" เป็นเรือบรรทุกสินค้าต่าง ๆ ไปขาย ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะเครื่องเทศ
และแน่นอนว่าต้องมีเจ้าตะเพียนสานแขวนล้อลมไว้ที่ท้ายเรือเพื่อเรียกลูกค้าด้วย
จนถึงวันนี้กว่า ๕๐ ปี ที่ป้าวันยึดอาชีพสานปลาตะเพียนจนส่งลูก
๓ คน เรียนจบ มีงานดี ๆ ทำกันทุกคน ลูกทุกคนทำปลาตะเพียนสานได้ และมาช่วยแม่ที่ร้านในวันหยุดเป็นประจำ
รวมถึงช่วงที่ลูกค้าสั่งซื้อปลาจำนวนมากด้วย
กระป๋องสีและพู่กันสำหรับลงสีและวาดลายของปลาตะเพียนสาน |
ใบลานสำหรับใช้ทำปลาตะเพียนสาน จากอำเภอทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี |
ป้าวันบรรจงวาดลายลงบนปลาตะเพียนตัวน้อยแล้วพักให้สีแห้ง |
ลูกชายคนเล็กของป้าวันกำลังห่อพวงกุญแจปลาตะเพียนสานเพื่อนนำส่งลูกค้า |
"ลูกฉัน ฉันเลี้ยงไม่ปล่อยนะ
กลับจากโรงเรียนนี่ต้องทำงานบ้านก่อนทำการบ้าน ลูกชายคนโตล้างจาน ลูกสาวซักผ้า
ลูกชายคนเล็กกวาดบ้าน ถูบ้าน ว่างก็ให้สานปลา จ้างนั่นแหละ ให้รู้จักหาเงิน" ป้าวันเล่าพลางมือก็แต้มสีทำตาพวงกุญแจปลาตะเพียนที่ลูกค้านัดจะมารับบ่ายนี้ไปด้วย
ในกระด้งสีมอ ๆ ที่ใส่พวงกุญแจปลามีร่องรอยสีกระเด็นเปรอะทั้งใบ
ไม่เว้นแม้แต่บนพื้นกระเบื้อง และขอบบานหน้าต่างที่เต็มไปด้วยรอยหยดด่างดวงหลากสี สะท้อนถึงการเดินทางของปลาตะเพียนสาน
และชีวิตคนทำปลาตะเพียนสานได้เป็นอย่างดี
การทำปลาตะเพียนสานอยู่คู่กับชุมชนมุสลิมท่าวาสุกรี
บ้านหัวแหลมในจังหวัดอยุธยามานานกว่า ๑๐๐ ปี
โดยสันนิษฐานว่าชาวไทยมุสลิมที่ล่องเรือขายเครื่องเทศอยู่ตามแม่น้ำเจ้าพระยา
และอาศัยอยู่ในเรือเป็นผู้คิดประดิษฐ์ปลาตะเพียนสานด้วยใบลานขึ้นเป็นครั้งแรก
ซึ่งแรงบันดาลใจอาจจะมาจากความรู้สึกผูกพันกับสายน้ำ และความคุ้นเคยกับรูปร่างหน้าตาของปลาตะเพียนที่มีชุกชุมจนถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์
ปลาตะเพียนสานรุ่นแรก ๆ เรียกว่า
“ปลาโบราณ” โดยจะทำเป็นตัวปลาขนาดเล็ก ๆ ๑ – ๓ ตัว เท่านั้น และมักทาด้วยสีเหลืองตามธรรมชาติจาก
“รง” ผสมกับน้ำมันวานิช แล้วนำไปเสียบไม้สำหรับแขวน
ปลาตะเพียนสานไม่ได้เป็นแค่ของเด็กเล่น
หรือเครื่องแขวนเหนือเปลเด็กเพื่อความเป็นสิริมงคลเท่านั้น
ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับปลาตะเพียนทั้งในเรื่องความขยันหมั่นเพียร การเติบโตมีฐานะมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ดุจดั่งปลาตะเพียนในฤดูข้าวตกรวง
บ้างยังถือเคล็ดว่าเพื่อให้ลูกหลานโตเร็ว ๆ ให้มีลูกหลานมากมายเหมือนปลาตะเพียน
บ้างก็เชื่อว่าถ้าแขวนปลาตะเพียนไว้หน้าบ้านจะทำให้มั่งมีศรีสุข ทำมาค้าขึ้น
เงินทองไหลมาเทมา ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปเครื่องรางปลาตะเพียนทอง ปลาตะเพียนเงิน ทำเป็นคู่
เพื่อเสริมมงคลในทางค้าขาย
“อ้าว ว่าไง มายังไงล่ะนั่น” ป้าวันทักทายลูกค้าตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวเข้าร้าน
คุณลุงเดินเข้ามาใต้ชายคาร้านทั้งที่ยังสวมหมวกกันน็อคยิ้มรับคำทักทายพร้อมกับบอกว่าพาคุณยายมาเลือกซื้อปลาตะเพียนสานให้หลานน้อยเน้นว่าต้องเป็นสีแดงด้วย
เมื่อเลือกได้ปลาพวงที่ถูกใจแล้วคุณยายค่อย ๆ คลี่ผ้าเช็ดหน้าเก่า ๆ
หยิบเงินมาจ่ายค่าปลา
แล้วสอดห่อเงินไว้ใต้เข็มขัดก่อนจะผูกไว้กับเข็มขัดที่เคียนเอวอีกชั้นหนึ่ง คุณยายเปรยว่า
“ฉันใช้กระเป๋าสตางค์ไม่ได้ หายหมด ต้องแบบนี้แหละ”
ปลาตะเพียนใบลานสิ่งมงคลที่แขวนภายในร้าน |
คนอยุธยายังคงผูกพันกับปลาตะเพียนสาน
นอกจากใช้แขวนเหนือเปลเด็กอ่อนแล้ว ยังใช้เป็นเครื่องประดับบ้าน
ให้เป็นของขวัญงานขึ้นบ้านใหม่ หรืองานเปิดร้านใหม่
อย่างร้านขายเฟอร์นิเจอร์มือสองข้างร้านป้าวันยังมีปลาลูกสิบสองตัวโตจากร้านป้าวันแขวนเด่นอยู่หน้าร้าน
ในร้านป้าวันเองก็แขวนปลาตะเพียนใบลานสีเหลืองมอ ๆ
ที่ลงอักขระเลขยันต์ไว้เป็นสิริมงคล คู่หนึ่งแขวนอยู่ตรงกลางใต้ชายคาหน้าร้าน และตรงประตูร้านแขวนปลาอีกตัวคู่กับป้ายร่ำ
รวย เงิน ทอง มั่งมี ดี ศรีสุข ป้าวันเล่าว่าพระท่านทำให้ บอกว่าหากินกับปลาก็ใช้ปลานี่แหละเป็นของมงคล
เมื่อถามถึงเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับปลาตะเพียน ป้าวันตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
ใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “ลูกฉันฉลาดเป็นกรดทุกคน เรียนดี ทำงานดี สานปลาได้”
นอกจากความภูมิใจในตัวลูก ๆ ทุกคนแล้ว ป้าวันยังภูมิใจกับอาชีพสานปลาตะเพียนมาก
“มันอิสระ ไม่ต้องขึ้นกับใคร” และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของป้าวันคือ
การทำปลาตะเพียนสานเพื่อถวายแด่พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ
ซึ่งในปีที่ประสูติคือปี พ.ศ. ๒๕๔๘
มีการเชิญชวนให้ประชาชนร่วมใจกันแขวนปลาตะเพียนสานประดับไว้หน้าบ้าน เป็นการถวายพระพรให้มีพระพลามัยแข็งแรง
และเป็นการถวายความจงรักภักดี
ป้าวันยังมีส่วนช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในต่างแดนกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหลายครั้ง
โดยเดินทางไปสาธิตการสานปลาตะเพียนในหลายประเทศทั้งสหรัฐอเมริกา ดูไบ เยอรมนี จีน
และญี่ปุ่น เป็นต้น
ลูกค้าของป้าวันมีทั้งในประเทศ
และต่างประเทศ มีทั้งคนทั่วไป องค์กร ห้างร้าน
หรือแม้แต่พระภิกษุยังมาซื้อปลาตะเพียนสานไปเป็นของฝากญาติที่เมืองนอก และทำเป็นของมงคล
พวงกุญแจปลาตะเพียนสานถือเป็นของฝากชิ้นเล็กๆที่ลูกค้านิยมสั่ง |
เมื่อถามถึงอนาคตของอาชีพสานปลาตะเพียน ป้าวันตอบอย่างไม่ลังเลว่า
"อยู่ซิ ลูกฉันก็ทำต่อ เดี๋ยวอายุ ๕๕ บริษัทก็ไล่ออกแล้ว (หัวเราะ)
ก็มาทำปลานี่แหละ" และไม่ใช่แค่ลูก ๆ ที่ป้าวันหวังว่าจะเป็นผู้สืบต่ออาชีพที่ป้ารัก
หลานสาวคนเดียวของป้าวันอายุเพิ่งจะขวบครึ่งก็ส่อแววจะเจริญรอยตามคุณยายอย่างที่ยายทำอะไรทำด้วย
"ฉันสานปลาก็สานด้วย ฉันจับพู่กันก็จับด้วย"
ป้าวันเอ่ยถึงหลานสาวสุดที่รักด้วยน้ำเสียงรักใคร่ และดวงตาเป็นประกาย ส่วนการเปลี่ยนแปลงของปลาตะเพียนสานในรุ่นต่อไปนั้น
ป้าวันไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก "
ก็แล้วแต่เขา" ป้าวันตอบสั้น ๆ
ปลาตะเพียนสานร้อยเรียงแขวนไว้ ด้วยยังคงมีลมหายใจอยู่ของผู้สร้างสรรค์เช่นป้าวัน |
วันพรุ่งของตะเพียนสาน
ปลาตะเพียนสานใบลานเดินทางผ่านกาลเวลามานานเนิ่น
แม้ลมหายใจจะแผ่วเบาลงบ้างในปัจจุบันเพราะจำนวนคนทำน้อยลงมาก โดยเฉพาะคนที่ทำปลาตะเพียนสานได้ครบทุกขั้นตอนอย่างป้าวัน
แต่ด้วยคำยืนยันอันหนักแน่นของป้าวันที่มีผู้สืบทอดรุ่นต่อไปแล้ว ก็ทำให้วางใจได้ว่าปลาตะเพียนสานใบลานจะยังคงอยู่คู่กับคนอยุธยาต่อไปด้วยลมหายใจที่แม้จะแผ่วเบา...แต่มั่นคง
ป้าวันนำปลาตะเพียนออกมาแขวนโชว์หน้าร้านด้วยรอยยิ้ม |
รู้จักกับปลาตะเพียนสาน
ปลาตะเพียนสานเป็นเครื่องแขวนที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนสำคัญ
๖ ชิ้น คือ
๑. กระโจมปลา หรือกระจังบน
เป็นส่วนประกอบที่อยู่ตอนบนสุด มีเพียง ๑ ชิ้น ใน ๑ พวง
๒. แม่ปลา
เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุด ปลาตะเพียนสาน ๑ พวง จะมีแม่ปลาใหญ่เพียง ๑ ตัว
เท่านั้น และเป็นจุดเด่นสำคัญที่สุด
๓. กระทงเกลือ
รูปร่างคล้ายกระทงใส่เกลือของชาวมุสลิม เป็นรูปดาวห้าแฉก ใช้ตกแต่งพวงปลา
ห้อยต่อจากแม่ปลาสำหรับครอบลูกปลาให้ดูสวยงามขึ้น จะมีในพวงปลาตั้งแต่ลูกเก้าขึ้นไปเท่านั้น
๔. ปักเป้า หรือเม็ด
รูปร่างคล้ายข้าวหลามตัด หรือสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนทรง ๓ มิติ ขนาดเล็ก
ใช้ร้อยเป็นสายห้อยตอนบน และสายระย้าตอนล่าง หรือเชื่อมโยงรอยต่อของชิ้นส่วนต่าง ๆ
ในพวงปลาตะเพียนและป้องกันไม่ให้เห็นเส้นด้าย
๕. ใบโพธิ์ ใช้ใบลานตัดเป็นรูปคล้ายใบโพธิ์
มีน้ำหนักเบา พลิ้วลมได้ดี ใช้ต่อปลายของอุบะห้อยจากกระโจม และกระทงเกลือ
ตลอดจนปลายอุบะที่ห้อยต่อจากลูกปลาทั้งหมด
๖. ลูกปลา รูปร่างเหมือนแม่ปลา
แต่มีขนาดเล็กว่าประมาณ ๓ - ๔ เท่า ใช้ร้อยกับสายระย้าทั้งสามสาย
ถ้าเป็นระย้าใหญ่จะร้อยไว้ใต้กระทงเกลือ มีปักเป้าร้อยคั่นตอนบน ถ้าเป็นระย้าเล็ก
จะร้อยต่อจากปักเป้าที่ห้อยจากตัวแม่ปลาลงมา